เด็กรุ่นใหม่มีอาการ อาการแพ้ฝุ่น แพ้อากาศ มากขึ้น และในบางจังหวัดก็มี ฝุ่น PM2.5 ซึ่งเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจได้ในระดับหลอดลม กระตุ้นให้เราเกิดโรคแพ้ฝุ่นกันมากขึ้น บทความนี้จะพาไปรู้จักกับความเสี่ยงของการแพ้ฝุ่น รวมถึงวิธีป้องกันที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
ฝุ่น PM2.5 และตัวไรฝุ่น ต่างกันอย่างไร?
- PM2.5 (Particulate Matter ≤ 2.5 ไมครอน) คือฝุ่นละอองขนาดเล็กมากที่มักมาจากควันรถ ควันบุหรี่ การเผาไหม้ และโรงงานอุตสาหกรรม โดยมีขนาดเล็กกว่าขนาดของเม็ดเลือดแดง ทำให้สามารถแทรกซึมเข้าไปในระบบหายใจ และเข้าสู่กระแสเลือดได้
- ไรฝุ่น (Dust Mite) เป็นสัตว์ขนาดจิ๋วในกลุ่มแมง มีขนาดเพียง 0.2–0.3 มิลลิเมตร พบมากในเครื่องนอน หมอน พรม ผ้าม่าน และตุ๊กตา โดย ตัวไรฝุ่น ไม่ได้เป็นสารก่อภูมิแพ้โดยตรง แต่ มูลของมัน คือสิ่งที่ทำให้ร่างกายเกิดอาการแพ้
ทั้งสองชนิดต่างก็สร้างผลกระทบต่อสุขภาพโดยตรง และเมื่อรวมกัน อันตรายยิ่งทวีคูณ
อาการแพ้ฝุ่นและ PM2.5 เป็นอย่างไร?

อาการ แพ้ ฝุ่น หรือการตอบสนองต่อสิ่งแปลกปลอมในอากาศ จะแสดงออกผ่านระบบทางเดินหายใจและผิวหนัง เช่น:
✅ อาการทั่วไป
- จามติดต่อกันหลายครั้ง
- คัดจมูก น้ำมูกใส
- แสบตา น้ำตาไหล คันตา
- ไอแห้งเรื้อรังโดยไม่มีไข้
- หายใจลำบาก เจ็บหน้าอก
✅ อาการเฉพาะในผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง
- สำหรับเด็ก: นอนกรน หายใจทางปาก สมาธิสั้น
- สำหรับผู้สูงอายุ: เสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด
- สำหรับผู้ป่วยโรคหืด: อาการกำเริบเฉียบพลัน
PM2.5 กับความเสี่ยงต่อสุขภาพ

จากรายงานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และ Environmental Protection Agency (EPA) พบว่า PM2.5 ส่งผลกระทบต่อสุขภาพอย่างมีนัยสำคัญ:
- เพิ่มความเสี่ยงของโรค หอบหืดเรื้อรัง
- กระตุ้น การอักเสบของถุงลมและหลอดลม
- เพิ่มโอกาสเป็นโรคหัวใจขาดเลือด
- ทำให้เกิด ความผิดปกติของพัฒนาการในเด็ก
- เสี่ยงต่อ มะเร็งปอด และโรคทางระบบประสาทในระยะยาว
ข้อมูลจาก Harvard T.H. Chan School of Public Health ยังระบุว่า PM2.5 มีความเชื่อมโยงกับอัตราการเสียชีวิตที่สูงขึ้นในกลุ่มประชากรเมืองใหญ่ โดยเฉพาะผู้ที่มีภูมิต้านทานต่ำ
ทำไมอาการแพ้ฝุ่นถึงพบมากขึ้นในเด็ก?
เด็กมักมีภูมิคุ้มกันที่ยังไม่สมบูรณ์ จึงไวต่อฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้มากกว่าผู้ใหญ่ การที่เด็กอยู่ในห้องปิดที่อากาศถ่ายเทไม่ดี หรือเล่นกับของเล่นที่มีฝุ่นสะสม เช่น ตุ๊กตาผ้า พรม หรือผ้าม่าน จะเพิ่มโอกาสสัมผัสกับ ตัวไรฝุ่น ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นอาการแพ้ได้ง่ายมาก
วิธีป้องกันและลดความเสี่ยงจากฝุ่นและ PM2.5
- ใช้เครื่องฟอกอากาศคุณภาพสูง ที่มีแผ่นกรอง HEPA (High Efficiency Particulate Air Filter)
- เปลี่ยนผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน และซักตุ๊กตา อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง ด้วยน้ำร้อน
- ทำความสะอาดบ้าน อย่างสม่ำเสมอ โดยใช้เครื่องดูดฝุ่นที่มีฟิลเตอร์กันไรฝุ่น
- ใส่หน้ากากกันฝุ่น PM2.5 โดยเฉพาะเวลาต้องออกนอกบ้านในวันที่ค่าฝุ่นสูง
- งดกิจกรรมกลางแจ้ง ในช่วงที่คุณภาพอากาศไม่ดี โดยตรวจสอบผ่านแอปพลิเคชัน AQI
อาการแพ้ฝุ่นและ PM2.5 เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในเด็กและผู้มีโรคประจำตัว ความเข้าใจและการเตรียมพร้อมรับมือกับสิ่งแวดล้อมรอบตัว ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะลดความเสี่ยงทางสุขภาพได้อย่างยั่งยืน
Shop-dek.com ขอแนะนำผลิตภัณฑ์สำหรับครอบครัวที่ต้องการดูแลสุขภาพจากภายในบ้าน เช่น ปลอกหมอนกันไรฝุ่น, เครื่องฟอกอากาศ, หน้ากาก N95 สำหรับเด็ก, และสินค้าคุณภาพอื่นๆ เพื่อเสริมสร้าง “พื้นที่ปลอดฝุ่น” ให้ลูกน้อยของคุณ
บรรณานุกรม (References)
- World Health Organization (WHO). (2023). Air pollution and child health: Prescribing clean air. https://www.who.int
- Environmental Protection Agency (EPA). (2024). Particulate Matter (PM2.5) Basics. https://www.epa.gov/pm-pollution/particulate-matter-pm-basics
- Harvard T.H. Chan School of Public Health. (2022). PM2.5 and Health. https://www.hsph.harvard.edu
- Asthma and Allergy Foundation of America (AAFA). (2023). Dust Mites and Allergy. https://www.aafa.org
- Mayo Clinic. (2024). Allergic Reactions to Dust and Air Pollution. https://www.mayoclinic.org





ใส่ความเห็น