เมื่อเข้าสู่ อายุครรภ์ 37 สัปดาห์ คือสัญญาณเตือนที่ว่าใกล้คลอดเต็มที่แล้ว และน้ำหนักเด็กทารกในครรภ์ที่เหมาะสมจะคลอดได้คือ 2.5 กิโลกรัม ในช่วงเวลานี้ คุณแม่หลายคนอาจเริ่มตื่นเต้นและกังวลเกี่ยวกับพัฒนาการของลูกน้อย โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักตัว ว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติหรือไม่ เพราะช่วงเวลานี้ถือว่าเป็น ไตรมาสสุดท้ายของการตั้งครรภ์ และใกล้ถึงกำหนดคลอดเต็มทีแล้ว
วันนี้ Shop-dek.com จะพาคุณแม่มาเช็กว่าน้ำหนักลูกในครรภ์ 37 สัปดาห์ ควรอยู่ที่เท่าไหร่ และพัฒนาการของลูกเป็นอย่างไรบ้าง พร้อมคำแนะนำเพื่อให้เจ้าตัวน้อยเติบโตสมบูรณ์และแข็งแรงก่อนคลอด

น้ำหนักลูกในครรภ์ 37 สัปดาห์ ควรอยู่ที่เท่าไหร่?
โดยเฉลี่ยแล้ว ทารกในครรภ์อายุ 37 สัปดาห์ ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 2,600 – 3,000 กรัม หรือประมาณ 2.6 – 3 กิโลกรัม และมีความยาวจากศีรษะถึงปลายเท้าอยู่ที่ประมาณ 48-50 เซนติเมตร
ตารางน้ำหนักทารกในครรภ์ 37 สัปดาห์
| เกณฑ์น้ำหนักลูกน้อย | ค่าน้ำหนักโดยเฉลี่ย (กรัม) |
|---|---|
| ต่ำกว่าปกติ (SGA) | < 2,500 กรัม |
| ปกติ | 2,600 – 3,000 กรัม |
| สูงกว่าปกติ (LGA) | > 3,200 กรัม |
หมายเหตุ: น้ำหนักตัวของทารกอาจแตกต่างกันไปตามพันธุกรรม โภชนาการของคุณแม่ และปัจจัยด้านสุขภาพอื่นๆ หากสงสัยว่าลูกตัวเล็กหรือตัวใหญ่เกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามพัฒนาการอย่างใกล้ชิด
พัฒนาการลูกน้อยในครรภ์ 37 สัปดาห์

1. ระบบอวัยวะเกือบสมบูรณ์ พร้อมคลอดได้แล้ว
- ปอดของทารกพัฒนาเกือบสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการหายใจด้วยตัวเอง
- ไตทำงานได้เต็มที่ และสามารถขับของเสียออกมาทางน้ำคร่ำ
- ระบบย่อยอาหารเริ่มทำงาน และเริ่มสะสม เมโคเนียม (Meconium) หรืออุจจาระครั้งแรกของทารก
2. สมองและระบบประสาทพัฒนาเต็มที่
- สมองและระบบประสาทเจริญเติบโตเต็มที่ ทารกสามารถ ตอบสนองต่อเสียงและแสงได้ดี
- ลูกสามารถกระพริบตา เคลื่อนไหวศีรษะ และบีบมือได้
3. ผิวหนังเปลี่ยนเป็นสีชมพู และมีไขมันสะสม
- ผิวหนังของลูกเริ่มเรียบเนียนขึ้น และเปลี่ยนจากสีแดงเข้มเป็น สีชมพูอ่อน
- ไขมันใต้ผิวหนังสะสมมากขึ้น ทำให้ดูอ้วนขึ้น ช่วยควบคุมอุณหภูมิร่างกายหลังคลอด
4. การเคลื่อนไหวของทารก
- ทารกยังคงขยับตัวอยู่ แต่การดิ้นอาจลดลงเนื่องจากพื้นที่ในมดลูกมีจำกัด
- คุณแม่อาจรู้สึกถึงการ ขยับตัว กระแทก หรือบิดตัว มากกว่าการเตะเหมือนช่วงก่อนหน้านี้
ปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักลูกในครรภ์
น้ำหนักของทารกในครรภ์อาจได้รับอิทธิพลจากหลายปัจจัย ได้แก่
✅ โภชนาการของคุณแม่ – หากคุณแม่ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ ทารกจะได้รับการเจริญเติบโตที่ดี
✅ พันธุกรรม – น้ำหนักตัวของพ่อแม่สามารถส่งผลต่อน้ำหนักของลูก
✅ ภาวะสุขภาพของแม่ – โรคเบาหวานขณะตั้งครรภ์ หรือภาวะครรภ์เป็นพิษอาจทำให้ลูกตัวใหญ่กว่าปกติ หรือเล็กกว่าปกติ
✅ จำนวนเด็กในครรภ์ – หากเป็นครรภ์แฝด น้ำหนักของทารกแต่ละคนอาจต่ำกว่ามาตรฐานเล็กน้อย
✅ ระยะเวลาการตั้งครรภ์ – หากคลอดก่อนกำหนด ทารกอาจมีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติ
เมื่อไหร่ควรกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักลูก?
🔸 น้ำหนักน้อยกว่าปกติ (<2,500 กรัม)
- อาจเกิดจากภาวะทารกเจริญเติบโตช้าในครรภ์ (IUGR)
- อาจเสี่ยงต่อภาวะตัวเหลืองหรือระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอหลังคลอด
- ควรตรวจอัลตราซาวด์และติดตามโภชนาการของคุณแม่
🔸 น้ำหนักมากเกินไป (>3,500 กรัม)
- อาจเกิดจากภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ทำให้ทารกตัวใหญ่ผิดปกติ
- อาจเพิ่มความเสี่ยงในการคลอดยาก หรืออาจต้องใช้วิธีผ่าคลอด
- ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับการควบคุมน้ำหนักตัวของคุณแม่
เคล็ดลับช่วยให้ลูกมีน้ำหนักตัวสมบูรณ์ก่อนคลอด
💡 สำหรับคุณแม่ที่ต้องการให้ลูกมีน้ำหนักตัวดี
- รับประทาน อาหารที่มีโปรตีนสูง เช่น เนื้อปลา ไข่ นมถั่วเหลือง
- ดื่ม นมวันละ 1-2 แก้ว เพื่อเสริมแคลเซียมและไขมันดี
- กินผลไม้ที่ให้พลังงาน เช่น กล้วย อะโวคาโด และถั่วต่างๆ
💡 สำหรับคุณแม่ที่ลูกตัวใหญ่เกินไป
- ควบคุมปริมาณน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรต
- ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินช้าๆ หรือโยคะสำหรับคนท้อง
- หลีกเลี่ยงน้ำหวาน น้ำอัดลม และขนมที่มีน้ำตาลสูง
สรุปพัฒนาการทารกในครรภ์อายุ 37 สัปดาห์
- ทารกในครรภ์อายุ 37 สัปดาห์ ควรมีน้ำหนักอยู่ที่ 2,600 – 3,000 กรัม
- ระบบอวัยวะเกือบสมบูรณ์ พร้อมสำหรับการคลอด
- น้ำหนักของลูกได้รับอิทธิพลจาก โภชนาการของแม่ พันธุกรรม และภาวะสุขภาพ
- หากลูกตัวเล็กหรือตัวใหญ่เกินไป ควรปรึกษาแพทย์เพื่อติดตามการเจริญเติบโตอย่างใกล้ชิด
SHOP-DEK.com แนะนำให้คุณแม่ดูแลโภชนาการให้เหมาะสม และตรวจเช็กสุขภาพกับแพทย์สม่ำเสมอ เพื่อให้เจ้าตัวน้อยคลอดออกมาแข็งแรง ปลอดภัย และสมบูรณ์ที่สุด!
Read More :
- คลอดลูกได้ 1 เดือน ท้องต่อได้ไหม? ความเสี่ยงที่คุณแม่ควรรู้
- 5 อาการเริ่มต้นของ RSV ในเด็ก หนักแค่ไหนถึงต้องไปหาหมอ?
- ตรวจ Nipt คืออะไร จำเป็นต้องตรวจไหม ถ้าโครโมโซมผิดปกติต้องทำอย่างไรต่อ








ใส่ความเห็น